ถอนผมหงอกทำให้หัวล้านไหม แก้ไขอย่างไรดี ?

ถอนผมหงอกทำหัวล้านไหม? การถอนผม หรือดึงผม ไม่ว่าจะเป็นผมหงอก ผมคัน นับได้ว่ากิจกรรมที่หลาย ๆ คนชื่นชอบ หรืออาจทำจนติดเป็นนิสัย เนื่องจากการดึงผมเช่นนี้อาจให้ความเพลิดเพลินจนทำให้หลาย ๆ คนลืมนึกไปว่าการกระทำเช่นนี้อาจส่งผลต่อหนังศีรษะร้ายแรงกว่าที่คิด นั่นคือ “ภาวะหัวล้าน” นั่นเอง

ถอนผมหงอกทำหัวล้านไหม หากทำจนติดเป็นนิสัยต้องแก้ยังไงดี?

หากพูดถึงเส้นผม แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนให้ความสำคัญ เพราะไม่ใช่เพียงแต่คอยปกป้องหนังศีรษะจากมลภาวะต่าง ๆ เท่านั้น แต่ยังคอยทำหน้าที่ปรับโครงหน้าและสร้างบุคลิกที่ดีให้กับเราอีกด้วย อย่างไรก็ตาม หลาย ๆ คนอาจกำลังส่งสัยว่าทำไมการถอนผมจึงเป็นพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เราหัวล้านได้ เราลองมาดูไปพร้อม ๆ กัน

ถอนผมหงอก ถอนผมคัน คือ พฤติกรรมเสี่ยงหัวล้าน?

อาจมีหลายคนไม่ทราบว่า การที่คนเราจะศีรษะล้านได้นั้น ไม่จำเป็นต้องมีสาเหตุมาจากพันธุกรรมจากทางครอบครัวเสมอไป เนื่องจากคนส่วนใหญก็มีพฤติกรรมเสี่ยงมากมายที่ทำให้หัวล้านได้ โดยเฉพาะการดึงและถอนผมตนเอง

เป็นเรื่องปกติที่คนเรานั้น เมื่อเห็นผมหงอกที่เป็นสีขาวผุดขึ้นมาท่ามกลางผมสีดำ ย่อมมีความคิดที่จะนำมันออกไปอยู่แล้ว เพราะถือว่าเป็นแกะดำ เห็นแล้วสร้างความรำคาญใจให้กับเราเป็นอย่างมาก ซึ่งมีอยู่ไม่ใช่น้อยที่เข้าใจว่า ผมหงอก เมื่อถูกถอนแล้วจะขึ้นมาใหม่ ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดมหันต์ เพราะ ผมหงอก คือ ผมที่เกิดจากการที่เม็ดสีเมลานินของเส้นผมมีประสิทธิภาพลดลง หรือหยุดทำงานแบบถาวร จึงส่งผลทำให้ผมเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว โดยปกติ หากเป็นผมหงอกที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ในคนเอเชียจะเริ่มมีตอนอายุอยู่ในช่วง 30-50 ปีนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม นอกจากผมหงอกที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติแล้วก็ยังมีผมหงอกอีกหนึ่งชนิดนั่นคือ “ผมหงอกก่อนวัย” ที่มักเกิดขึ้นกับคนอายุน้อย ซึ่งสาเหตุมักมาจาก กรรมพันธุ์, ความเครียด, การดื่มแอลกอร์ฮอล์, โรคเรื้อรังบางชนิด และโรคทางระบบประสาท เป็นต้น ซึ่งหากใครกำลังสงสัยว่าตนเองมีภาวะผมหงอกก่อนวัย ควรเข้าพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยสาเหตุที่แท้จริงเพื่อหาวิธีการรักษาให้ตรงจุดต่อไป

ถอนผมหงอกแล้วหัวล้าน “ปลูกผม” ช่วยได้

จากที่ได้กล่าวไปแล้วว่าการถอนผมหรือดึงผมในที่ซ้ำ ๆ เดิม ๆ เป็นหนึ่งในพฤติกรรมที่ทำให้เกิดภาวะหัวล้านได้ ดังนั้น เมื่ออาการเริ่มชัดเจนมากขึ้น สิ่งที่แพทย์อาจแนะนำคือการใช้วิธีปลูกผมเพื่อช่วยให้ปัญหาดีขึ้น

เทคนิค FUE

การปลูกผมแบบ FUE เป็นการศัลยกรรมอย่างหนึ่ง ด้วยการย้ายเซลล์รากผมบริเวณท้ายทอยไปปลูกถ่ายยังบริเวณที่ต้องการเทคนิคนี้เป็นเทคนิคไร้แผลเย็บ ไม่ต้องนอนค้างที่โรงพยาบาล ที่สำคัญคือไม่ทิ้งรอยแผลเป็น เนื่องจากเทคนิคนี้จะใช้อุปกรณ์ในการเจาะที่มีขนาดเล็กมากแล้วนำเซลล์รากผมออกมาปลูกถ่าย เพื่อให้ได้แนวไรผมที่ต้องการ เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังจากที่ทำเสร็จ ใช้ระยเะเวลาประมาณ 4-6 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับจำนวนกราฟที่นำมาปลูกถ่าย วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาศีรษะล้าน ที่ไม่ต้องการใช้เวลาในการพักฟื้นเป็นอย่างมาก เทคนิคนี้จะเห็นถึงความหนาแน่นของเส้นผมที่เกิดขึ้นมาใหม่ โดยทั่วไปใช้เวลาเห็นผลลัพธ์เต็มที่ประมาณ 6-10 เดือน ขึ้นอยู่กับการตอบสนองการรักษาของแต่ละเคส

เทคนิค Advance- FUE

การปลูกผมแบบ Advance-FUE เป็นเทคนิคที่พัฒนาขึ้นจากเทคนิค FUE เดิม ที่ใช้อุปกรณ์ในการเจาะที่มีขนาดเล็กกว่ามาก ขั้นตอนที่ทำเหมือนกัน แต่ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาคือความหนาแน่นที่มากกว่า ได้แนวไรผมที่ชิดมากกว่า เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังจากทำเสร็จ ส่วนระยะเวลาที่ใช้นั้นจะมากกว่าแบบ FUE ประมาณ 1-2 ชั่วโมง เทคนิคนี้ใช้ทักษะที่สูงกว่า และขั้นตอนที่ซับซ้อนขึ้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ความหนาแน่นมากขึ้น ที่สำคัญยังคงไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นมากเช่นกัน โดยเทคนิคนี้จะได้ความหนาแน่นแบบ Hi Density เรียกได้ว่าเห็นความแตกต่างจากเทคนิค FUE ได้อย่างชัดเจน ใช้เวลาในการเห็นผลลัพธ์ประมาณ 6-10 เดือน ขึ้นอยู่กับการตอบสนองการรักษาของแต่ละเคส

เทคนิค DHI (Direct Hair Implantation)

การปลูกผมแบบ DHI เป็นวิธีการปลูกผมที่ได้รับความนิยมสูงในขณะนี้ โดยแพทย์จะใช้กราฟ หรือกอผม 1-4 เส้นบริเวณท้ายทอย โดยใช้เครื่องมือ DHI Implanter กราฟในการดึงออกมาจากท้ายทอยและกราฟที่ปักออกไปสามารถทำได้ในครั้งเดียว ไม่ต้องเสียเวลาทำแยกสองขั้นตอนเหมือนวิธี FUE ส่งผลให้ลดปัญหารากผม และเซลล์รากผมเกิดความเสียหายระหว่างปลูกผมได้เป็นอย่างดีรวมถึงผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ดูกลมกลืนไปทั้งศีรษะ เนื่องจากเครื่องมือดังกล่าวจะสามารถควบคุมทิศทาง ความลึก และมุมองศาในการปลูกได้แม่นยำ โดยทั่วไปอาจจะใช้เทคนิคนี้ร่วมกับการปลูกผมแบบ FUE Advance เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสม และเหมาะกับแต่ละบุคคลได้อย่างดี เทคนิคนี้จะได้ความหนาแน่นแบบ Hi Density โดยที่ได้เรื่องแนวไรผมที่สวยงาม เน้นความเป็นธรรมชาติ และมาตรฐานที่สูงขึ้น

เทคนิค NHI (Navamin Hair Implant) จาก Vital Glow Clnic

การปลูกผมแบบ NHI เป็นเทคนิคเดียวในประเทศ ที่เป็นวิธีการเฉพาะของโรงพยาบาลนวมินทร์ 9 ที่ได้รับมาตรฐานจากองค์กรระดับโลก JCI โดยเทคนิคนี้จะคล้ายคลึงกับการปลูกผมแบบ DHI แต่จะใช้เทคนิคการเจาะ และการปลูกถ่ายจากประเทศเกาหลี รวมถึงเครื่องมือ Implanter ระดับ Hi-End ซึ่งนอกจากจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าในแง่ของ เซลล์รากผมที่ไม่บอบช้ำ มีอัตราการรอดหลังการปลูกถ่ายสูงที่สุด ยังได้ในส่วนของการดูแลหลังการปลูกที่ง่ายกว่า แผลหายเร็วกว่ารวมถึงผลลัพธ์ที่แน่นอนกว่าแบบเห็นได้ชัดเจน เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ปราณีตที่สุด ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ดูแลง่ายที่สุด และมีมาตรฐานสูงที่สุดในบรรดาการปลูกด้วยเทคนิคอื่น ๆ

โดยแพทย์ที่ทำการปลูกผมด้วยเทคนิคนี้ จะต้องมีความเข้าใจในความเป็นธรรมชาติของแนวไรผมของคนไข้ และการวาดแนวกรอบหน้าให้เหมาะสม และใส่ใจในทุก ๆ ขั้นตอนการปลูกทุกรายละเอียดอย่างแท้จริง เทคนิคนี้จะได้ความหนาแน่นแบบ Ultra Hi Density ได้แนวไรผมที่สวยงามมากที่สุด เป็นธรรมชาติมากที่สุด และได้มาตรฐานที่สูงที่สุดอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการรักษาสำหรับผู้มีภาวะผมบางเท่านั้น โดยยังมีอีกหลายหลายวิธีด้วยกัน ขึ้นอยู่กับ อาการ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยและประเมิน เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งอาจจะเป็น 3 อย่างนี้ หรือ วิธีอื่นๆ

ก็เป็นได้ เช่น ยา วิตามิน อาหารเสริม สเปรย์ เซชั่น แชมพู ฉายแสง การฉีดตัวยาอื่น ๆ หรือทรีตเม้นท์อื่น ๆ ด้วย เป็นต้น