โปรแกรมบำรุงเซลล์รากผมด้วย
Triple P for Hair

- ข้อปฏิบัติก่อนการทำ Triple P for Hair
- ข้อปฏิบัติหลังการทำ Triple P for Hair
- ฉีดที่ไหนดี ทำไมต้องมาที่นวมินทร์ 9
- Triple P นอกจากช่วยเรื่องผม ช่วยเรื่องอะไรได้อีกบ้าง
- ข้อจำกัดของการทำ Triple P for Hair
- ข้อดีการทำ Triple P for Hair
- ผลลัพธ์หลังทำ Triple P for Hair
- Triple P for Hair ราคาเท่าไหร่?
- รีวิว Triple P for Hair
> โปรแกรมบำรุงเซลล์รากผมด้วย Triple P for Hair
ผมหนา ด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้นจากเลือดของตัวเอง
โปรแกรม Triple P for Hair คือ การนำเอา PRP (Platelet-Rich Plasma) หรือพลาสมาที่อุดมไปด้วยเกล็ดเลือด มาใช้รักษาปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน โดยการฉีด PRP เข้าไปในหนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นการงอกของเส้นผม
โปรแกรม Triple P for Hair คืออะไร?
โปรแกรม Triple P for Hair คือ การนำเลือดของคนไข้มาปั่นแยกเอาเกล็ดเลือดที่มี Growth Factor จำนวนมากมาฉีดกลับเข้าไปบนหนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นการงอกของเส้นผม
PRP (Platelet Rich Plasma) คือ เกล็ดเลือดที่มีความเข้มข้นกว่าเกล็ดเลือดทั่วไป 3-4 เท่า ที่ได้จากการปั่นแยกเลือดออกด้วยเครื่องเหวี่ยงสาร (Centrifuge) ทำให้เลือดแยกชั้นเป็นเซลล์เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด และเซลล์เม็ดเลือดแดงที่จะลอยไปอยู่ชั้นบนสุด
PRP Hair Therapy เป็นเทคนิคทางการแพทย์ใหม่! ที่นำเกล็ดเลือดเข้มข้นของตัวเองมากระตุ้นให้เซลล์รากผมมีความแข็งแรง โดยแพทย์จะนำเกล็ดเลือดมาปั่นแยกและคัดเอาเฉพาะเกล็ดเลือดที่มีความเข้มข้นกว่าเลือดทั่วไป 3-4 เท่า และเกล็ดเลือดนี้จะหลั่งสารสำคัญทีเรียกว่า Growth factor (GF) ซึ่งจะช่วยให้เลือดแข็งตัว ช่วยเสริมสร้างและกระตุ้นการทำงานของเซลล์ต่างๆ ในร่างกายได้ ด้วยคุณสมบัติที่กระตุ้นเซลล์นี้จึงสามารถช่วยกระตุ้นเซลล์ของรากผม เพื่อช่วยชะลออาการผมร่วง รวมถึงบำรุงให้เซลล์รากผมแข็งแรง ทำให้เส้นผมแข็งแรงและดกหนา เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ช่วยแก้ปัญหาผมร่วงผมบางได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ที่สำคัญโอกาสแพ้น้อยมากเพราะเป็นเลือดตัวเอง
การทำ PRP ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการกระตุ้นรากผมที่เพิ่งได้รับปลูกผมถาวรแบบย้ายเซลล์รากผมให้ดียิ่งขึ้น ลดอาการ Shock Loss หรืออาการผมร่วงหลังการปลูกผม รวมถึงช่วยให้แผลหายไวขึ้นอีกด้วย
> Triple P for Hair มีกี่แบบ มีอะไรบ้าง?
ที่โรงพยาบาลนวมินทร์ 9 เรามี PRP อยู่ด้วยกัน 4 แบบ ได้แก่
- Triple P เป็นนวัตกรรมการนำเอา PRP (Platelet-Rich Plasma) หรือพลาสมาที่อุดมไปด้วยเกล็ดเลือด มาใช้รักษาปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน โดยการฉีด PRP เข้าไปในหนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นการงอกของเส้นผม เพราะสามารถประยุกต์ในทางการแพทย์ได้หลากหลาย เช่น ในการบำรุง ฟื้นฟู เซลล์รากผม, ในทางการรักษาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา, ในด้านความงาม และการฟื้นฟูกระดูก ไขข้อ เป็นต้น ซึ่ง PRP จะช่วยซ่อมแซม และแก้ไขปัญหาที่ระดับเซลล์ เช่น การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ฟื้นตัวหายไวขึ้น, การทำให้กระดูกหักจากการบาดเจ็บ สมานเชื่อมกันเร็วขึ้น, การกระชับรูขุมขน กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อและคอลลาเจนบนผิวหน้า รวมถึงการกระตุ้น ฟื้นฟู และซ่อมแซมเซลล์รากผม แก้ไขผมร่วง ผมบางอย่างตรงจุด
- Triple P (Advanced) เป็นการนำเอา PRP (Platelet-Rich Plasma) หรือพลาสมาที่อุดมไปด้วยเกล็ดเลือด แต่สามารถได้ปริมาณของ PRP มากกว่า Triple P ถึง 16 เท่า จึงทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งกว่า
- Triple P with Biotin+ เป็นการทำ PRP ที่นอกจากจะได้ได้ปริมาณ PRP มากกว่า Triple P ถึง 16 เท่าแล้ว ยังมีการเติมในส่วนของ Biotin ซึ่งเป็นวิตามินที่มีความสำคัญอย่างมากในการเจริญเติบโตของเซลล์ในร่างกายเรา มีหน้าที่เป็นโครงสร้างหลักของผม เล็บ และผิวหนัง จึงทำให้กระตุ้นการงอกของเส้นผม และส่งเสริมการเจริญเติบโตของเส้นผมอีกด้วย
3. Y-Bio Triple P เป็นการนำเอา PRP (Platelet-Rich Plasma) หรือพลาสมาที่อุดมไปด้วยเกล็ดเลือด โดยอาศัยนวัตกรรมการสกัดขั้นสูงทำให้สามารถนำ Platelet ออก มาได้มากถึง 15 ล้านไมโครลิตร ต่อปริมาณเลือดเพียง 15 มิลลิลิตรเท่านั้น ซึ่งมากที่สุดในบรรดาการทำ PRP ทั้งหมดที่กล่าวมา
(Triple P, Triple P (Advanced) และ Triple P with Biotin+) จึงทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนสูงสุด
> กระบวนการออกฤทธิ์และการทำงานของ Triple P for Hair
การทำ PRP ผม เป็นกระบวนการที่นำเลือดของคนไข้มาผ่านกระบวนการเพื่อให้ได้เกล็ดเลือดเข้มข้น (Platelet-Rich Plasma) แล้วนำไปฉีดเข้าสู่หนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นการงอกของเส้นผม โดยมีกระบวนการออกฤทธิ์และการทำงาน ดังนี้
- เก็บตัวอย่างเลือด: แพทย์จะเก็บตัวอย่างเลือดจากคนไข้ ปริมาณขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องการรักษา
- ปั่นแยกเลือด: นำเลือดที่เก็บได้ใส่ในเครื่องปั่นเหวี่ยง (Centrifuge) เพื่อแยกส่วนประกอบของเลือด โดยจะได้พลาสมา (Plasma) ที่มีเกล็ดเลือดเข้มข้น ซึ่งอุดมไปด้วย Growth Factor
- ฉีด PRP เข้าสู่หนังศีรษะ: แพทย์จะฉีด PRP เข้าสู่บริเวณหนังศีรษะที่ต้องการรักษา โดย Growth Factor ใน PRP จะทำหน้าที่ดังนี้
– กระตุ้นการสร้างเส้นเลือดใหม่: ทำให้เลือดไหลเวียนมาเลี้ยงรากผมได้ดีขึ้น
– กระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์รากผม: ส่งเสริมการงอกของเส้นผมใหม่
– กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน: ทำให้หนังศีรษะแข็งแรง และเส้นผมมีความยืดหยุ่น
– ลดการอักเสบ: ช่วยลดการอักเสบของหนังศีรษะ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของผมร่วง
Growth Factor ที่สำคัญใน PRP
– PDGF (Platelet-Derived Growth Factor): กระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์ สร้างเส้นเลือดใหม่ และสร้างคอลลาเจน
– TGF-β (Transforming Growth Factor-beta): กระตุ้นการสร้างเซลล์รากผม และควบคุมวงจรการเจริญเติบโตของเส้นผม
– VEGF (Vascular Endothelial Growth Factor): กระตุ้นการสร้างเส้นเลือดใหม่
– EGF (Epidermal Growth Factor): กระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์ และการสร้างคอลลาเจน
– IGF-1 (Insulin-like Growth Factor-1): กระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม
> ต้องทำบ่อยแค่ไหน
ความถี่ในการทำ PRP ผม ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพเส้นผม ความรุนแรงของปัญหา และการตอบสนองต่อการรักษาของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปแล้ว แพทย์มักจะแนะนำให้ทำ PRP ผม ประมาณ 3-12 ครั้ง เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
– ช่วง 3-4 ครั้งแรก อาจจะแนะนำให้ทำทุก 2 สัปดาห์
– หลังจากนั้น แพทย์จะประเมินผลลัพธ์และอาจจะนัดทำทุก 1 เดือน หรือเว้นระยะห่างออกไปมากกว่านั้น
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยและแผนการรักษาของแพทย์ รวมถึงอาจทำควบคู่กับโปรแกรมอื่นๆร่วมด้วยเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
ปัจจัยที่มีผลต่อความถี่ในการทำ PRP
– ระดับความรุนแรงของปัญหาผมร่วง: ผู้ที่มีปัญหาผมร่วงรุนแรง อาจต้องทำ PRP บ่อยกว่าผู้ที่มีปัญหาผมร่วงเล็กน้อย
– การตอบสนองต่อการรักษา: บางรายอาจเห็นผลลัพธ์เร็ว ในขณะที่บางรายอาจต้องใช้เวลา แพทย์จะประเมินผลลัพธ์และปรับความถี่ในการรักษาให้เหมาะสม
– งบประมาณ: งบประมาณของแต่ละบุคคลก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องนำมาพิจารณา
> ระยะเวลาในการเห็นผลลัพธ์
โดยทั่วไป จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ เช่น ผมร่วงน้อยลง เส้นผมแข็งแรงขึ้น ภายใน 2-3 เดือน และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนขึ้น เช่น ผมหนาขึ้น ภายใน 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพเส้นผม การตอบสนองต่อการรักษา และการดูแลตัวเองของแต่ละบุคคล
> อันตรายไหม อยากปลอดภัยต้องทำอย่างไร
โดยทั่วไปแล้ว PRP ผม ถือว่ามีความปลอดภัยสูงนะคะ เพราะเป็นการนำเลือดของคนไข้เองมาใช้ จึงมีโอกาสแพ้หรือติดเชื้อน้อยมาก แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อยบ้าง เช่น รอยเข็ม อาการบวมแดง หรือรู้สึกเจ็บบริเวณที่ฉีด ซึ่งอาการเหล่านี้มักจะหายไปเองภายใน 2-3 วัน
เพื่อความปลอดภัยในการทำ PRP ผม ควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
– เลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และอุปกรณ์ที่ทันสมัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะประเมินสภาพเส้นผมและหนังศีรษะของคุณอย่างละเอียด เพื่อพิจารณาว่า PRP เหมาะสมกับคุณหรือไม่ รวมถึงเลือกเทคนิคการทำ PRP ที่เหมาะสม และควบคุมความเข้มข้นของเกล็ดเลือดให้ได้มาตรฐาน
– แจ้งประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว และยาที่รับประทานให้แพทย์ทราบ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคเลือด โรคประจำตัว หรือกำลังรับประทานยาบางชนิด เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาแอสไพริน
– ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการทำ PRP เช่น งดดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ และดูแลความสะอาดบริเวณที่ฉีด
– สังเกตอาการผิดปกติหลังการทำ PRP หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวด บวม แดง ร้อน มีหนอง หรือมีไข้ ควรรีบกลับไปพบแพทย์ทันที
การทำ PRP ผม แม้จะมีความปลอดภัยสูง แต่ก็ควรเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน และปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินความเสี่ยงและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพเส้นผมและหนังศีรษะของคุณ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย
> Triple P for Hair เหมาะกับใคร?
– ผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้านแบบไม่รุนแรง เช่น ผมร่วงจากกรรมพันธุ์ ผมร่วงหลังคลอด ผมร่วงจากความเครียด
– ผู้ที่มีรากผมยังแข็งแรง PRP จะช่วยกระตุ้นการทำงานของรากผมที่มีอยู่เดิมให้แข็งแรงขึ้น แต่ไม่สามารถสร้างรากผมใหม่ได้ ดังนั้น จึงเหมาะกับผู้ที่มีรากผมยังคงอยู่
– ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสุขภาพเส้นผม PRP ช่วยบำรุงให้เส้นผมแข็งแรงขึ้น หนาขึ้น และลดการหลุดร่วง
– ผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการผ่าตัดปลูกผม PRP เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่กังวลเรื่องการผ่าตัด กลัวเจ็บ หรือมีโรคประจำตัวที่ไม่สามารถผ่าตัดได้
– ผู้ที่แพ้ยาปลูกผม บางรายอาจแพ้ยาปลูกผม PRP จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ปลอดภัยกว่า
> Triple P for Hair ไม่เหมาะกับใคร?
– ผู้ที่ศีรษะล้านแบบรุนแรง ไม่มีรากผมเหลืออยู่
– ผู้ที่มีโรคเลือดบางชนิด เช่น โรคเกล็ดเลือดต่ำ โรคฮีโมฟีเลีย
– ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
– ผู้ที่รับประทานยาบางชนิด เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาแอสไพริน
> ข้อควรระวัง
– ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินสภาพเส้นผม และวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
– เลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และอุปกรณ์ที่ทันสมัย เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี
> ข้อปฏิบัติก่อนการทำ Triple P for Hair
– ปรึกษาแพทย์: แจ้งประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว ยาที่รับประทาน (โดยเฉพาะยาแอสไพริน ยาต้านการแข็งตัวของเลือด วิตามิน อาหารเสริม) และประวัติการแพ้ยา ให้แพทย์ทราบ
– งดดื่มแอลกอฮอล์ และ งดสูบบุหรี่: อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนการรักษา
– งดยาบางชนิด: เช่น ยาแอสไพริน ยาต้านการแข็งตัวของเลือด วิตามิน อาหารเสริมบางชนิด ตามคำแนะนำของแพทย์
– งดใช้สารเคมีบนหนังศีรษะ: เช่น ยาย้อมผม น้ำยายืดผม อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการรักษา
– ทำความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะ: สระผมให้สะอาดก่อนเข้ารับการรักษา งดการใช้ครีมนวดผม เจลแต่งผม และสเปรย์ ในวันที่มาทำ PRP
– ดื่มน้ำมากๆ: เพื่อให้เลือดไหลเวียนดี ช่วยในการเจาะเลือด
– รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่: และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
> ข้อปฏิบัติหลังการทำ Triple P for Hair
– งดสระผม: อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
– งดแกะ เกา หรือสัมผัสบริเวณที่ฉีด: เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
– งดดื่มแอลกอฮอล์ และ งดสูบบุหรี่: อย่างน้อย 1 สัปดาห์
– งดทาครีม แต่งหน้า หรือใช้เครื่องสำอางบริเวณใบหน้า: อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
– งดออกกำลังกายหนัก เล่นกีฬา ว่ายน้ำ อบซาวน่า และตากแดด: อย่างน้อย 3 วัน
– งดย้อมผม ดัดผม ยืดผม: อย่างน้อย 2 สัปดาห์
– นอนหนุนหมอนสูง: ในคืนแรกหลังการรักษา เพื่อลดอาการบวม
– ประคบเย็น: หากมีอาการบวม แดง หรือรู้สึกเจ็บบริเวณที่ฉีด สามารถประคบเย็นได้
– รับประทานยาตามแพทย์สั่ง: และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
– ดูแลความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะ: สระผมด้วยแชมพูอ่อนๆ และน้ำเย็น
– หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีรุนแรงบนหนังศีรษะ: เช่น เจลแต่งผม สเปรย์
– รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: โดยเฉพาะอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุ เพื่อบำรุงเส้นผม
– ดื่มน้ำมากๆ: และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้ จะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากการทำ PRP ผม และมีเส้นผมที่แข็งแรง สุขภาพดี
> ฉีดที่ไหนดี ทำไมต้องมาที่นวมินทร์ 9 ?
– ควรปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์และมีความชำนาญ เพื่อประเมินสภาพเส้นผม และวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
– เลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะสถานะที่ได้รับรองมาตราฐานระกับสากลอย่าง JCI สหรัฐอเมริกา ( joint commission international) มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และอุปกรณ์ที่ทันสมัย เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี
> Triple P นอกจากช่วยเรื่องผม ช่วยเรื่องอะไรได้อีกบ้าง
นอกจากการนำ PRP มาใช้รักษาปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้านแล้ว PRP ยังสามารถนำมาใช้รักษาและฟื้นฟูส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้อีกด้วย โดยหลักๆ แล้ว PRP จะช่วยในการซ่อมแซมและฟื้นฟูเนื้อเยื่อส่วนที่สึกหรอ เสื่อมสภาพ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
ตัวอย่างการนำ PRP ไปใช้รักษา เช่น
– ผิวพรรณ
– ลดเลือนริ้วรอย
– รักษารอยแผลเป็นจากสิว
– เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
– กระชับรูขุมขน
– ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
– โรคข้อเข่าเสื่อม
– ช่วยลดอาการปวด
– ช่วยให้การเคลื่อนไหวข้อเข่าดีขึ้น
– การรักษาแผล
– แผลเรื้อรัง เช่น แผลเบาหวาน แผลกดทับ
– แผลผ่าตัด
อย่างไรก็ตาม การใช้ PRP ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำและการดูแลของแพทย์ แพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่า PRP เหมาะสมกับการรักษาหรือไม่ และต้องใช้ในปริมาณเท่าใด
ข้อควรระวัง
> ข้อจำกัดของการทำ Triple P for Hair
– ผลลัพธ์ของการรักษาด้วย PRP ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
– การรักษาด้วย PRP อาจต้องทำซ้ำหลายครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน
> ข้อดีการทำ Triple P for Hair
การทำ PRP ผม ถือว่ามีความปลอดภัยสูงมาก เพราะเป็นการนำเลือดของคนไข้เองมาใช้ จึงมีโอกาสแพ้หรือติดเชื้อน้อยมาก
> ผลลัพธ์หลังทำ Triple P for Hair
โดยทั่วไปแล้ว หลังการทำ PRP ผม อาจเริ่มเห็นผลลัพธ์เบื้องต้นภายใน 2-3 สัปดาห์ เช่น ผมร่วงน้อยลง เส้นผมดูแข็งแรงขึ้น และมีลูกผมขึ้นใหม่
ผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้น มักจะเห็นได้หลังจากทำ PRP ผม 3-6 ครั้ง เช่น ผมหนาขึ้น รากผมแข็งแรง และหนังศีรษะมีสุขภาพดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ของการทำ PRP ผม อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางรายอาจเห็นผลลัพธ์เร็ว บางรายอาจเห็นผลช้า และบางรายอาจไม่เห็นผลลัพธ์เลย
ปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพของ PRP ผม:
– สุขภาพโดยรวม: ผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง มีโอกาสเห็นผลลัพธ์ที่ดีกว่า
– ความรุนแรงของปัญหา: ผู้ที่มีปัญหาผมร่วงไม่มาก มักจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีกว่า
– การดูแลตัวเอง: การดูแลตัวเองหลังการทำ PRP ผม เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การหลีกเลี่ยงความเครียด และการดูแลความสะอาดของหนังศีรษะ ล้วนมีผลต่อประสิทธิภาพของการรักษา
> Triple P for Hair ราคาเท่าไหร่?
ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 5,500 บาท
สำหรับค่าใช้จ่ายในการปลูกผมอย่างละเอียด สามารถติดต่อสอบถามเพื่อรับคำปรึกษาโดยไม่มีค่าใช้จ่ายได้ที่ แผนกผิวหนังและศัลยกรรมตกแต่ง โรงพยาบาลนวมินทร์ 9